หลักการและเหตุผล
การใช้ยาไม่สมเหตุผล เป็นปัญหาสำคัญระดับโลกและประเทศไทยมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ องค์การอนามัยโลกชี้ว่า มากกว่าร้อยละ ๕๐ ของการใช้ยาในประเทศกำลังพัฒนาเป็นการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมและสูญเปล่า ปัญหาที่พบบ่อย ได้แก่ การใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสม การใช้ยาฉีดเกินจำเป็น การใช้ยาหลายขนานร่วมกัน การสั่งใช้ยาไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษา และการใช้ยารักษาด้วยตนเองที่ไม่เหมาะสม โดยน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาตามมาตรฐาน และมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาที่ได้รับมาจากผู้สั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสได้รับอันตรายจากอาการข้างเคียงเพิ่มขึ้น เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ส่งผลต่อความสูญเสียต่อผู้ป่วย ครอบครัวและประเทศ เช่น รักษาไม่หาย ใช้เวลารักษานานขึ้น ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ สูงถึงร้อยละ ๑๐-๔๐ ของงบประมาณสุขภาพของประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทย มีมูลค่าการบริโภคยาสูงถึงร้อยละ ๔๑ ของค่าใช้จ่ายสุขภาพ ดังนั้นที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกดำเนินการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลมาตั้งแต่ปี ๑๙๘๖ เป็นต้นมา โดยเฉพาะผลจากการใช้ปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อซึ่งประเทศไทยมีมูลค่าการผลิตและนำเข้ายาปฏิชีวนะสูงสุดใน ๓ อันดับแรก มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ส่งผลให้เกิดการแพ้ยาและการดื้อยาปฏิชีวนะ จนเสียชีวิต ปีละ ๓๘,๐๐๐ ราย/ปี ทำให้ประเทศไทยสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ ๔๖,๐๐๐ ล้านบาท/ปี
สถานการณ์ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ คนไทยไปรักษาที่สถานพยาบาลของรัฐมากขึ้น การซื้อยารักษาตนเองน้อยลง เพียงร้อยละ ๑๗.๕๔ ซึ่งกลับกันกับในอดีตประชาชนมีการซื้อยากินเองถึงร้อยละ ๖๐ แต่ขณะเดียวกัน แม้การซื้อยารักษาตนเองน้อยลง แต่แนวโน้มประชาชนบริโภคยาบำรุงและอาหารเสริมกลับเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ ๓๓.๓ เมื่อประชาชนไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลของรัฐมากขึ้น ส่งผลต่อการเกิดปัญหา ยาเหลือใช้ ส่วนใหญ่ยาเหลือใช้ที่พบในครัวเรือน เป็นยารักษาสำหรับโรคเรื้อรัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยารับจาก รพ./รพสต. และมีครัวเรือนที่มียาปฏิชีวนะเหลือใช้ ถึงร้อยละ ๑๐ นอกจากนี้ ร้านชำ ประมาณร้อยละ ๕๐ ส่วนใหญ่พบขายยาบรรจุเสร็จฯ และยาสามัญประจำบ้าน รองลงมาจำหน่ายยาปฏิชีวนะ และการไปรับการรักษาและซื้อยาจากแหล่งต่างๆ เช่น ร้านยา คลินิก ร้านชำ หรือการซื้อทางอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้มีผู้ป่วยเกิดอาการ ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาจากร้านชำ ถึงร้อยละ ๑๘ - ๒๔
จากสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวข้างต้น การใช้ยาอย่างสมเหตุผล จึงถูกกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในนโยบายแห่งชาติด้านยา มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่นโยบายแห่งชาติด้านยา ฉบับแรก (พ.ศ.2524) จนกระทั่งปีงบประมาณ 2560 จนถึงจนถึงปีงบประมาณ 2564 กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้การใช้ยาอย่างสมเหตุผลและการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพเป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุข ในชื่อว่า โรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU hospital)
ในปี ๒๕๖๕ กระทรวงสาธารณสุข กำหนดตัวชี้วัด การพัฒนาสู่จังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU province) ซึ่งมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาในทุกพื้นที่อำเภอ ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ หรือคณะกรรมการอื่น เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการของชุมชน โดย ชุมชน ในที่นี้หมายความถึง อำเภอ ที่จะให้มีการพัฒนาคุณภาพบริการในสถานบริการสุขภาพรัฐและเอกชน ทุกระดับ และแก้ปัญหายาในชุมชน ทั้งการเข้าถึงแหล่งกระจายยาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นร้านชำ หรือแหล่งกระจายยาอื่น การสร้างความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ในการดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้น เมื่อเจ็บป่วยของประชาชน ทั้งการใช้ยาและไม่ใช้ยา ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ.๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ในยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งมุ่งหวังให้ประชาชนมีความปลอดภัยเมื่อใช้ยา และมีผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดี และกำหนดตัวชี้วัดเป้าหมายให้ประชาชนไทย อายุมากกว่า ๑๕ ปีขึ้นไป มีความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล อย่างน้อยร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป และ จังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผล อย่างน้อยร้อยละ ๕๐ ซึ่งจังหวัดที่จะเป็นจังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผล จะมีอำเภอใช้ยาอย่างสมเหตุผล อย่างน้อยร้อยละ ๕๐
ต่อมาในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๑๕๖๗ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ได้มีมติเห็นชอบต่อการประกาศให้ประเทศไทย จะเป็นประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผลต้นแบบ ภายในปี ๒๕๖๗ จึงต้องมีกลไกรูปธรรมทั้งส่วนกลาง ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานระดับกระทรวง กรม และส่วนภูมิภาค และกลไกส่วนภูมิภาคเพื่อพัฒนาสู่จังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผล ซึ่งจะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับจังหวัดและอำเภอ
ดังนั้นเพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว กองนโยบายแห่งชาติด้านยาจึงได้จัดทำ โครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล (National forum for RDU country) Theme: ก้าวสู่ทศวรรษที่ ๒ การพัฒนาสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล เพื่อทบทวน รวมรวมข้อมูลสถานการณ์ ความสำเร็จและความท้าทายการขับเคลื่อนสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล ( RDU Country) และเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและแสดงเจตนารมณ์การขับเคลื่อนสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผลต้นแบบร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง